ว่าด้วยการเช่าบ้านของคนต่างชาติในประเทศญี่ปุ่น วิธีดูแปลนบ้าน และค่าใช้จ่ายเบื้องต้นที่ต้องเตรียมไว้

นึกได้ว่ายังไม่เคยเขียนเรื่องการเช่าบ้าน หรือ หาบ้านเช่าในประเทศญี่ปุ่นกันเลยนะคะ วันนี้ก็เลยจะมาเล่าถึงการหาบ้านเช่าในญี่ปุ่นค่ะ ซึ่งก็เป็นแบบญี่ปุ๊นญี่ปุ่น ไม่ค่อยจะมีใครเหมือน 😂

เราไปดูกันดีกว่าค่ะ ว่าเราจะต้องติดต่อใคร ที่ไหน และต้องทำอะไร จะมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่กันบ้าง

ก่อนอื่นค่ะ เราต้องรู้ธรรมเนียมการเช่าบ้าน หรือ เช่าห้องพักในญี่ปุ่นก่อนว่า จะต้องดำเนินการเช่าผ่านนายหน้า หรือภาษาญี่ปุ่นเรียกกันว่า ฟุโดซัง (不動産) ค่ะ เจ้าของบ้านจะไม่คุยกับเราโดยตรง ทุกขั้นตอนจะคุยผ่านฟุโดซังทั้งหมด

ดังนั้น เมื่อเราอยากจะเริ่มหาบ้านเช่า ง่ายที่สุดเลยคือเดินไปติดต่อฟุโดซังใกล้บ้านค่ะ หรือ ถ้ายังไม่อยากเข้าไปคุยอยากแค่ดูๆไว้เฉยๆ ก็สามารถค้นหาผ่านเวปไซต์ของฟุโดซังได้เลยค่ะ แต่ก็จะมีข้อจำกัดสำหรับคนที่อ่านภาษาญี่ปุ่นไม่ออกนะคะ เพราะเวปไซต์มักจะเป็นภาษาญี่ปุ่นทั้งหมดค่ะ


เวลาเราเข้าไปคุยกับฟุโดซัง ก็บอกเงื่อนไข ห้องที่เราอยากได้ไปตรงๆเลยค่ะ ทางฟุโดซังก็จะไปหาห้องเช่าที่ตรงตามเงื่อนไขที่เราอยากได้มาเสนอ

เงื่อนไขที่เราสามารถบอกได้เลยนะคะ
1. งบค่าเช่าต่อเดือนเท่าไหร่
2. ใกล้สถานีรถไฟอะไร
3. เดินจากสถานีรถไฟกี่นาที
4. ห้องขนาดเท่าไหร่
5. แบบห้องย่อยกี่ห้อง
6. อาศัยอยู่กี่คน
7. ต้องการที่จอดรถ ที่จอดจักรยานไหม
8. ต้องการเลี้ยงสัตว์หรือเปล่า
9. ลูกเล็กๆ สามารถเข้าอยู่ได้ไหม
10. ต้องการอยู่ชั้นไหน ต้องการลิฟท์ในตึกไหม

ที่เหลือก็ตามแต่สะดวกเราค่ะ ว่าจะมีเงื่อนไขอะไรเพิ่มเติมอีกหรือเปล่า เช่น ใกล้ซุปเปอร์แค่ไหน ใกล้สะดวกซื้อไหม หรือ อยู่ในเขตโรงเรียนที่อยากให้ลูกไปหรือเปล่า

ความกว้างของห้องเช่าที่ญี่ปุ่นนอกจากหน่วยตารางเมตรแล้วบางที่จะใช้หน่วย โจ (帖) หรือหน่วยเสื่อ ค่ะ โดย 1 โจ = 1.55 ตารางเมตร

วิธีเรียกแปลนของบ้านญี่ปุ่น จะใช้เป็นตัวเลขบอกจำนวนห้องย่อย และตัวอักษร D=Dining K=Kitchen L=Living S=Small Room R=Room เพื่อบอกรายละเอียดค่ะ


อย่างห้อง 1R คือห้อง one room หรือห้องเดี่ยวแบบ Studio type ก็จะมีครัวเล็กๆ ให้เราด้วย ข้อดีคือห้องแบบนี้จะราคาถูกที่สุดค่ะ เหมาะกับนักเรียน นักศึกษาที่งบประมาณไม่เยอะ แต่ข้อเสียคือถ้าเราทำอาหารกลิ่นมันก็จะฟุ้งอบอวลอยู่ในห้องเลย

ถ้าอยากได้ห้องครัวเล็กๆ แยก มีประตูกั้นเราจะเรียกว่าห้อง 1K คือมีห้องแยก 1 ห้อง+ kitchen ค่ะ ราคาก็จะสูงขึ้นอีกนิดนึง

ถ้าอยากได้ห้องครัวที่ใหญ่ขึ้นวางโต๊ะกินข้าวเป็นห้องขนาด 4.5-6 เสื่อ เราจะเรียกว่า 1DK คือ 1ห้อง+ Dining Kitchen ค่ะ และถ้าห้องครัว ห้องกินข้าวนั้นใหญ่ขนาดสัก 8-10 เสื่อ คือนั่งเล่นทำอย่างอื่นได้ด้วยจะเรียกห้องแบบ 1LDK คือ 1ห้อง + Living dining kitchen ค่ะ

ห้องลักษณะนี้จะเหมาะกับคนโสดที่อาศัยอยู่คนเดียว ถ้ามีรูมเมทด้วยก็อาจจะคับแคบไปสักหน่อยค่ะ

ส่วนแปลนที่เหมาะกับคู่แต่งงาน หรือครอบครัวที่มีลูกด้วย ก็คงต้องมองไปที่ 2LDK ขึ้นไปค่ะ คือมี 2ห้อง + Living dining kitchen

แต่ถ้าเป็นประเภทสมบัติบ้า สัมภารกเยอะๆแบบแอดมินก็ต้องมองไปที่ 3DK หรือ 3LDK แล้วล่ะค่ะ คือมีห้องว่างให้ทำอย่างอื่นอีก 3 ห้อง

ทีนี้พอเราเลือกบ้าน แปลนบ้าน ที่เราถูกใจได้แล้ว ทางฟุโดซัง เค้าจะพาเราไปดูห้องจริงค่ะ โดยส่วนมากจะให้เราจิ้มสัก 2-3 ห้อง
ฟุโดซังเค้าจะมีทริกท่างจิตวิทยากับเราเล็กน้อยค่ะ โดยเค้าจะวางลำดับการพาไปดู 「見せ物件」「ボロ物件」「決め物件」


「見せ物件」มิเสะบุกเกง แปลว่า บ้านที่ให้ดู(เฉยๆ) ไม่คิดว่าเราจะเลือกเช่า หลังแรกที่จะพาไปดูคือจะพาไปดูบ้านสวยๆ แต่เกินงบที่เราตั้งไว้ค่ะ

「ボロ物件」โบโระบุกเกง แปลว่า บ้านโทรมๆ ในราคาตามงบของเรา แต่เราก็จะยังรู้สึกไม่อยากเช่า

「決め物件」คิเมะบุกเกง แปลว่า บ้านที่(ให้เรา)ตัดสินใจเช่า คือ จะเป็นบ้านที่ใกล้เคียงกับเงื่อนไขของเรามากที่สุดแต่ราคาก็อาจจะแพงกว่าที่เราคิดไว้สักหน่อย

ว่ากันว่าเป็นจิตวิทยาให้ลักษณะที่วาดฝันให้เราในบ้านสวยๆหลังแรก แล้วก็ดับฝันงบประมาณเรากับบ้านโทรมๆ และมาปลอบประโลมด้วยบ้านหลังสุดท้าย ที่จะทำให้เราคิดว่า ช่วยไม่ได้ก็คงต้องประมาณนี้แหละ .... อะไรทำนองนี้

เรื่องนี้แอดมินได้ดูรายการทีวีรายการนึงมาค่ะ ซึ่งก็คือหลังจากที่ได้บ้านเรียบร้อยแล้ว คิดไปคิดมาก็คลับคล้ายคลับคลาว่าจะเจอแพทเทิร์นนี้ 😂

ถ้าเรายังไม่ถูกใจบ้านที่ไปดูก็ไม่ต้องฝืนเลือกนะคะ ขอดูต่ออีก หรือไปหาจากฟุโดซังบริษัทอื่นก็ได้ แต่ถ้าเราถูกใจบ้านและต้องการจะเช่า ทางฟุโดซังก็จะไปทำQuotation หรือ ค่าใช้จ่ายคร่าวๆ มาให้เรา ค่าใช้จ่ายตรงนี้โดยส่วนมากแล้วจะมี

1. 礼金 เรคิน ค่าขอบคุณเจ้าของบ้าน ภาษาไทยคงเรียกกันว่าค่าแป๊ะเจี๊ยะ เงินตรงนี้ถึงแม้เราจะยกเลิกสัญญาแล้ว ก็จะไม่ได้กลับคืนมาค่ะ ปกติแล้วบ้านยิ่งใหม่ค่าขอบคุณเจ้าของบ้านก็จะยิ่งแพง มีตั้งแต่ 1-3 เดือนของราคาค่าเช่า หรือบ้างพื้นที่ก็ไม่เรียกเก็บค่ะ
2. 敷金 ชิกิคิน คล้ายๆเงินประกันห้องค่ะ โดยส่วนมากจะเรียกเก็บ1-2 เดือนของค่าเช่า และได้คืนตอนย้ายออก ให้เชคกับฟุโดซังให้ชัวร์นะคะ ว่าเราจะได้ตรงนี้คืนหรือเปล่า โดยจะได้คืนเท่าไหร่นั้นก็จะขึ้นกับสภาพห้องที่เราคืนเจ้าของบ้าน ถ้ามีของเสียหายต้องซ่อม เจ้าของบ้านก็จะหักเงินเราออกจากส่วนนี้ค่ะ ตามประสบการณ์ของแอดมิน มีทั้งได้คืนเต็ม และโดนหักไปส่วนนึง ล่าสุดWallpaper ติดสีจากเก้าอี้ แล้วลบไม่ออกค่ะ เลยโดนหักไปเล็กน้อย
3. 仲介手数料 ชูไกเทะซือเรียว คือ ค่าดำเนินการ และค่านายหน้าที่เราต้องจ่ายให้ ฟุโดซังค่ะ ส่วนมากจะอยู่ราวๆค่าเช่าห้อง 0.5-1 เดือน
4. 家事保険金 คะจิโฮเก็งคิน คือ เงินประกันไฟไหม้ รายปีค่ะ ขึ้นกับขนาดห้องน่าจะตกปีละ 1-20000 เยน สำคัญมากนะคะ แนะนำให้ทำไว้เลย อย่าเสียน้อยเสียมากเสียยากเสียง่ายค่ะ
5. 家賃 ยะจิน คือ เงินค่าเช่าค่ะ โดยปกติก็จะจ่ายเงินค่าเช่าเดือนแรกรวมไปด้วยเลย

เมื่อเราต่อรองค่าเช่าลงตัวแล้ว ก็จะเริ่มทำสัญญาค่ะ ก็จะมีเอกสารมาให้เรากรอกข้อมูลส่วนตัว รวมไปถึงข้อมูลที่ทำงานและรายได้ต่อปี

และสิ่งสำคัญที่จะต้องมีด้วยคือ 保証人 โฮะโชนิน หรือผู้ค้ำประกันค่ะ ถ้าเป็นคนญี่ปุ่นโดยปกติก็จะให้พ่อแม่ญาติพี่น้องที่มีรายได้ค้ำประกันให้


ถ้าเป็นชาวต่างชาติ จะไม่สามารถให้พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ต่างประเทศค้ำประกันให้ได้ค่ะ ถ้าคุณเป็นนักเรียนที่โรงเรียนภาษา หรือมหาวิทยาลัยก็อาจจะมีบริการค้ำประกันให้ได้ ให้ลองไปปรึกษาดูก่อนนะคะ ถ้าเป็นคนทำงานก็ลองปรึกษาแผนกบุคคลที่บริษัทดูว่ามีนโบบายค้ำประกันการเช่าบ้านให้หรือไม่
ถ้าไม่มีเลยก็จะมีอีกทางหนึ่งค่ะ คือให้บริษัทเอกชนที่ให้บริการค้ำประกันคนต่างชาติเพื่อเช่าบ้านเนี่ยค้ำประกันให้โดยเสียค่าบริการราวๆ 0.5 -1 เดือนของค่าเช่าห้อง ปกติแล้วฟุโดซังก็มีบริษัทเจ้าประจำของเค้าอยู่ค่ะ ก็ให้เค้าจัดการให้ไปเลย

ดังนั้นค่าใช้จ่ายที่เราต้องเตรียมไว้สำหรับการเช่าบ้านนั้นคือราวๆ 5 เท่าของค่าเช่าบ้านค่ะ เช่นเรามีงบเช่าห้อง 50000เยน ก็เตรียมเงินสดไว้เลย 250,000เยนค่ะ ค่าเฟอร์นิเจอร์ต่างหาก

ส่วนสัญญาการเช่าบ้านเรายังไม่ต้องเซ็นในวันนั้นก็ได้นะคะ บอกฟุโดซังว่าขอเอากลับมาอ่านก่อนก็ได้ค่ะ ส่วนมากก็เป็นภาษาญี่ปุ่นยาวๆ ก็เอากลับมาค่อยๆอ่านหรือ ให้คนญี่ปุ่นช่วยอ่านให้เพื่อเชคว่าไม่มีข้อสัญญาประหลาดๆ เพื่อความสบายใจ แล้วค่อยไปทำการเซ็นที่ฟุโดวันหลังก็ได้ค่ะ

อีกสิ่งหนึ่งที่คนไทยจะไม่คุ้นเลยคือ บ้านเช่าทั่วๆไปของญี่ปุ่นเค้าจะให้มาแต่บ้านจริงๆค่ะ หลอดไฟ แอร์ ตู้เตียง เฟอร์นิเจอร์ จะไม่มีมาเลยเป็นห้องโล่งๆโจ้งๆ เราก็ต้องทยอยซื้อข้าวของเข้ามาตั้ง ใครที่มาเรียนระยะสั้น ซื้อแค่ที่จำเป็นพอนะคะ จะได้ไม่ลำบากตอนจัดการทิ้งของ

เพิ่มเติมข้อมูล สำหรับใครที่กลัวว่าบ้านที่เราเช่าจะมีผี มีคดีไหมนั้น ... ตามกฎหมายแล้วถ้ามีคดี หรือผู้เสียชีวิตก่อนหน้าเราเข้าพักทางฟุโดซังจะต้องแจ้งให้เราทราบค่ะ เรียกว่า 事故物件 จิโกะบุกเกง หรือ บ้านที่เกิดอุบัติเหตุ


แต่ๆๆๆๆ สถานะบ้านอุบัติเหตุ หรือ จิโกะบุกเกง สามารถลบหายไปได้ถ้ามีคนเข้าอยู่เกิน3 เดือนและไม่พบสิ่งผิดปกติค่ะ

ให้สังเกตราคาค่าเช่าบ้านที่ถูกเกินไป ถูกแบบผิดหูผิดตานะคะ แล้วสามารถไปเชคประวัติบ้านเช่าได้จากเวปไซต์ Oshimateru ที่แอดมินเคยเขียนเล่าไว้ใน blog ก่อนหน้าค่ะ

>> คุณอาจจะได้พักห้องที่มีคนฆ่าตัวตาย

ขอบคุณภาพจาก
https://sp.chintai.net/news/



Post a Comment

0 Comments