ขอแสดงความยินดีกับศาสตราจารย์พิเศษ Honjo Tasuku (76) จาก Kyoto University ผู้ซึ่งได้รับรางวัลโนเบลสาขา Phisiology/Medicine 2018


ผลงานของศจ. ฮอนโจ ที่ได้รับรางวัลครั้งนี้ เกี่ยวกับการรักษามะเร็งแบบ Immunotherapy หรือ การรักษามะเร็งด้วยภูมิคุ้มกันค่ะ



การรักษามะเร็งโดยภูมิคุ้มกัน คือ ทฤษฎีการให้เซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราเข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งซึ่งถือเป็นเซลล์ที่มีความผิดปกติ แต่หลายๆครั้งเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเราไม่สามารถเข้าไปกำจัดเซลล์มะเร็งได้ ทำให้มะเร็งนั้นลุกลามออกไปค่ะ

ในเซลล์ภูมิคุ้มกันของร่างกายเรานั้นมีโปรตีนหลายชนิดเคลือบอยู่ ศจ. ฮอนโจ ค้นพบว่าหนึ่งในนั้นชื่อ PD-1 ซึ่งโปรตีนตัวนี้เป็นตัวขัดขวาง หรือ เบรก การไปทำลายเซลล์มะเร็งของเซลล์ภูมิคุ้มกันนั่นเองค่ะ

ซึ่งงานวิจัยของศจ.ฮอนโจนี้ต่อยอดไปในการค้นคว้าวิจัยและผลิตยากำจัดโปรตีน PD-1 เพื่อเพิ่มความสามารถในการกำจัดมะเร็งของเซลล์ภูมิคุ้มกัน ที่ชื่อ オプジーボ opdivo ของบริษัทโอะโนะ (小野薬品) ที่ได้รับการรับรองจากประเทศญี่ปุ่นให้สามารถใช้ได้กับคนไข้มะเร็งเมื่อปี 2014

ใครสนใจฟังConference เพิ่มเติมของ ศจ.ฮอนโจ ตาม link ด้านล่างไปเลยค่ะ
https://youtu.be/nixSU84a9hI

นอกจากนี้ยังมีผู้ที่ได้รับรางวัลโนเบลสาขาเดียวกันคือ ด็อกเตอร์ เจมส์ แพทริก แอลลิสัน จาก Texas State University ผู้ซึ่งค้นพบโปรตีน CTLA-4 ซึ่งเป็นตัวขัดขวางการทำงานของเซลล์ภูมิคุ้มกันเหมือนกับ PD-1 ด้วยค่ะ

ซึ่งการค้นพบของอาจารย์ทั้ง2 ท่านนี้ มีคุณประโยชน์ต่อวงการแพทย์และการรักษามะเร็งเป็นอย่างมาก

อย่างที่เกริ่นไปข้างต้นว่าโปรตีนที่เคลือบเซลล์ภูมิคุ้มกันมีหลายประเภท การค้นพบ PD-1 และ CTLA-4 นั้น ถือเป็น Check point สำคัญจุดหนึ่ง ยังมีโปรตีนตัวอื่นๆที่ยังต้องวิจัยกันต่อไปค่ะ

สำหรับชาวญี่ปุ่นซึ่งได้รับรางวัลโนเบลนั้น รวมศจ.ฮอนโจ แล้วก็เป็น24 คน(รวมชาวญี่ปุ่นที่ถือสัญชาติอื่นด้วยเป็น27คน) โดยในสาขา Physiology / Medical นี้มี5 คนค่ะ

แอดมินดูข่าวจากทีวีตามไปสัมภาษณ์ ลูกศิษย์บอกว่าศจ. เข้มงวดมากๆ แม้แต่อาจารย์ใน Kyoto University ที่ได้รับรางวัลโนเบลในปีก่อนๆก็ยังบอกว่า ศจ. น่ากลัวเลยล่ะค่ะ

แต่ศจ.ฮอนโจ ก็ตอบนักข่าวว่า
“เข้มงวดกับความจริงเท่านั้นแหละ งานวิจัยที่ต้องต่อสู้กับระดับโลกมันเข้มงวด”

แต่ถึงแม้จะเข้มงวด อาจารย์ก็ดูแลลูกศิษย์อย่างอบอุ่นเช่นกันค่ะ

🙏ขอบคุณภาพและเนื้อหาข่าวจาก
หนังสือพิมพ์ Sankei

Post a Comment

0 Comments